ดูเหมือนว่า Apple กำลังศึกษาเรื่องสุขภาพของผู้หญิง

จะเป็นยังไงเมื่อ Apple กำลังทำการศึกษาเรื่องสุขภาพของผู้หญิง โดยเป็นการศึกษาที่มีขึ้นเป็นครั้งแรกโดย Harvard T.H. Chan School of Public Health , สถาบันวิทยาศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อม และ แอปเปิ้ล ซึ …

จะเป็นยังไงเมื่อ Apple กำลังทำการศึกษาเรื่องสุขภาพของผู้หญิง โดยเป็นการศึกษาที่มีขึ้นเป็นครั้งแรกโดย Harvard T.H. Chan School of Public Health , สถาบันวิทยาศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อม และ แอปเปิ้ล ซึ่งจากการวิเคราะห์ในเบื้องต้นของกลุ่มผู้เข้าร่วมการศึกษาพบว่า 12% รายงานถึงภาวะ PCOS หรือ ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ

  • ผู้เข้าร่วมการศึกษาที่มีภาวะ PCOS:
    • ได้รับการวินิจฉัยในช่วงวัย 14 และ 35 ปี โดยอายุเฉลี่ยคือ 22 ปี 
    • มี แนวโน้มที่จะรายงานถึงประวัติของครอบครัวที่มีภาวะ PCOS โดย 23% ของผู้เข้าร่วมการศึกษาที่มีภาวะ PCOS มีประวัติครอบครัวที่มีภาวะ PCOS
    • มีแนวโน้มที่จะมีรอบเดือนที่ไม่สม่ำเสมอ หลังจากเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรก
  • ผู้เข้าร่วมการศึกษาที่มีภาวะ PCOS ในกลุ่มนี้มี ความชุกสูงกว่าที่จะมีอาการที่สามารถส่งผลกระทบในแง่ลบต่อสุขภาพหัวใจ โดยผู้เข้าร่วมการศึกษาเหล่านี้:
    • มีแนวโน้มเกือบ 4 เท่าที่จะมีภาวะเสี่ยงก่อนเป็นเบาหวาน
    • มีแนวโน้มเกือบ 3 เท่าที่จะเป็นเบาหวานประเภทที่ 2
    • มีแนวโน้มเกือบ 2 เท่าที่จะมีความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอลสูง
  • มีความชุกในการเป็นโรคอ้วนสูงเกือบสองเท่า สำหรับผู้เข้าร่วมการศึกษาที่มีภาวะ PCOS เมื่อเทียบกับผู้เข้าร่วมการศึกษาที่ไม่มีภาวะ PCOS
    • ส่วนใหญ่ของผู้เข้าร่วมการศึกษาหรือ 61% ที่มีภาวะ PCOS รายงานถึงโรคอ้วน ซึ่งหมายถึงการมีดัชนีมวลกาย (BMI) ที่สูงกว่า 30 กก/m2
  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) เป็นอาการที่พบได้บ่อย ในกลุ่มผู้เข้าร่วมการศึกษาที่มีภาวะ PCOS (5.6%) เมื่อเทียบกับผู้เข้าร่วมการศึกษาที่ไม่มีภาวะ PCOS (3.7%)

จะเห็นว่าการติดตามประจำเดือนและอาการต่าง ๆ อย่างแม่นยำจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยอาการสำคัญ ๆ อย่าง PCOS ได้ ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการประเมินความเสี่ยงการป้องกันผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์จากโรคและการดำเนินการเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันเพื่อสุขภาพที่ดีกว่าเดิม การติดตามรอบเดือน โดยจะมีให้บริการบน iPhone ทุกเครื่องทั่วโลกในแอปพลิเคชันสุขภาพและ Apple Watch

อ่านเพิ่มเติม : ข่าวไอที

หลุด ! สเปก Samsung Galaxy A13 4G และ Samsung Galaxy M23 5G ผ่านการอนุมัติจาก กสทช. แล้ว

ดูเหมือนว่า Samsung กำลังเตรียมความพร้อมที่จะเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ในตระกูล Samsung Galaxy A Series ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ โดยทั้งสองรุ่นนั้นคาดว่าจะเป็น Samsung Galaxy A13 4G และ Samsun …

ดูเหมือนว่า Samsung กำลังเตรียมความพร้อมที่จะเปิดตัวโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ในตระกูล Samsung Galaxy A Series ทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ โดยทั้งสองรุ่นนั้นคาดว่าจะเป็น Samsung Galaxy A13 4G และ Samsung Galaxy M23 5G ล่าสุด ได้มีการปล่อยข้อมูลออกมาว่าทั้งสองรุ่นได้ผ่านการตรวจสอบจาก กสทช. ในปรเทศไทยแล้ว อีกทั้งก่อนหน้านี้ก็เคยมีภาพหน้า Support ของประเทศอินเดีย , รัสเซีย , สวิชเซอร์แลนด์ และ อังกฤษ ออกมาให้เห็นกัน จากภาพที่เห็นจะสเปกเต็ม ๆ ของ Galaxy A13 4G จาก Geekbench มีรหัสเครื่องคือ SM-A135F ใช้ชิปประมวลผล Exynos 850 SoC ให้ RAM มา 3GB บนระบบปฏิบัติการ Android 12 นอกจากนั้นก็จะเป็นสเปกของ Galaxy M23 5G ต้องมารอดูกันไปว่า 2 รุ่นจะเปิดตัวไหนและจะมีหน้าตาน่าใช้ขนาดไหน

อ่านเพิ่มเติม : ข่าวไอที

ซีอีโอ ‘Twitter’ บอก ทุกวันนี้ทำงานผ่านมือถือ ไม่ต้องพึ่งแล็ปท็อป

ซีอีโอ 'TWITTER' บอก ทุกวันนี้ทำงานผ่านมือถือ ไม่ต้องพึ่งแล็ปท็อป

ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานประเภทไหนๆ ก็ต้องมีเครื่องที่สร้างขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้เราสามารทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา บนอุปกรณ์พกพาที่คล้ายกับเป็นหนึ่งในอวัยวะสำคัญของร่างกาย ดูอย่าง Jack Dorsey ซีอีโอหนุ่มไฟแรงจาก Twitter ที่เขาได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับการทำงานของเขาขณะที่แถลงข่าวอยู่ในซิดนีย์ ว่าเดี๋ยวนี้แจ็คทำงานทุกอย่างผ่านสมาร์ทโฟนที่เขาใช้อยู่เป็นประจำเพียงเครื่องเดียว ไม่มีแล็ปท็อปเป็นของตัวเอง

เขาเล่าให้ฟังว่าการทำแบบนั้นเป็นสิ่งที่เขาคิดว่ามันสำคัญมาก เพราะโทรศัพท์มือถือสามารถปิดแจ้งเตือนต่างๆ ได้ และจดจ่อไปที่แอปพลิเคชันเดียว จดจ่อสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ตรงหน้า เพราะมันทำให้ตัวเขาเองสามารถที่บาลานซ์ชีวิตและการทำงานได้มากขึ้น ไม่เหมือนกับตอนใช้แล็ปท็อปที่เราต้องเปิดทุกอย่าง ทำงาน จัดงานอะไรต่างๆ แทบจะพร้อมกัน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่แจ็คให้ความสำคัญยิ่งกว่าประเด็นเรื่องความปลอดต่างๆ เสียอีก

เขาคิดว่าทุกๆ อย่างมันสามารถขโมยเวลาของเราไปได้ มีเรื่องราวต่างๆ ที่ดึงเราให้เข้าไปสนใจ ฉะนั้น การทำงานแบบนี้มันจึงช่วยฝึกอะไรให้กับแจ็คได้เยอะ ตื่นเช้ามาไม่เช็คมือถือจนกว่าจะถึงเวลาทำงาน และเมื่อถึงเวลางาน การแจ้งเตือนต่างๆ ก็จะถูกตั้งค่า สิ่งที่เข้ามาก็จะมีแค่งานเท่านั้น ไม่ได้รับรู้สิ่งอื่นๆ ยิ่งตอนประชุม ก็จะปิดแล็ปท็อป เก็บมือ ให้ความสำคัญและโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ให้ความสนใจที่จะใช้เวลาร่วมกัน ถ้าการใช้แล็ท็อป ก็จะมีเรื่องโน่นเรื่องนี้มาดึงความสนใจเรา เราก็จะยิ่งเสียสมาธิ

ส่วนเรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว แจ็คมองว่าเป็นเรื่องของแต่ละคนที่จะให้ความใส่ใจแตกต่างกัน พอใช้งานไปได้สักพัก เราก็จะรับรู้ได้เองว่าใช้เครื่องมือแบบไหนและส่งผลกับตัวเองยังไง เราเลือกที่จะปิดการแจ้งเตือน เลือกที่จะเปลี่ยนพาสเวิร์ดเป็นประจำ เลือกที่จะยืนยันตัวตันกับบัญชีของเรา มันเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน ถึงมันจะยุ่งยาก แต่ก็ไม่ควรที่จะละเลย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งมุมมองดีๆ จากซีอีโอของทวิตเตอร์